ในทำนองเดียวกัน นักลงทุนจากจีนแผ่นดินใหญ่ก็เลือกประเทศที่จะลงทุนโดยพิจารณาจากความใกล้เคียงทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะประเทศที่มีประชากรเชื้อสายจีนในสัดส่วนสูง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเอเชียตะวันออก งานวิจัยชิ้นหนึ่งทำการศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการออกไปลงทุนของจีนในต่างประเทศระหว่างปี 2527 ถึง 2544 พบว่า ความใกล้เคียงทางวัฒนธรรมของประเทศผู้รับการลงทุน (ซึ่งวัดโดยร้อยละของคนเชื้อสายจีนต่อจำนวนประชากรทั้งประเทศ) มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับการลงทุนโดยตรงจากประเทศจีนอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ดี ความใกล้เคียงทางวัฒนธรรมระหว่างคนจีนแผ่นดินใหญ่และคนจีนโพ้นทะเล และระหว่างคนจีนโพ้นทะเลในแต่ละประเทศมิได้มีความเหมือนกันเสียทีเดียว และอาจมีแนวโน้มแตกต่างกันมากขึ้น ประเทศที่คนจีนเข้าไปอยู่อาศัยส่วนมากมีการกีดกัน แบ่งแยก และข่มเหงต่อคนต่างด้าว เช่น รัฐบาลเวียดนามในช่วงหลังสงครามเวียดนาม ยึดที่ดินของคนเชื้อจีนแล้วผลักดันให้ไปเป็น “มนุษย์เรือ” หรือรัฐบาลอินโดนีเซียในยุคซูฮาโต้ที่กำหนดนโยบายจำกัดสิทธิพลเมืองของคนเชื้อสายจีน เป็นต้น สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้ชาวจีนต้องปรับตัวให้เข้ากับบริบทของแต่ละประเทศที่พวกเขาเข้าไปอยู่อาศัย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและผสมผสานทางวัฒนธรรมของตนกับวัฒนธรรมท้องถิ่น
รัฐบาลในบางประเทศมีนโยบายการกลืนกลายทางวัฒนธรรม (Assimilation policy) เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพภายในชาติ ยกตัวอย่างเช่น รัฐบาลสิงคโปร์กำหนดแผงผังการตั้งที่อยู่อาศัยใหม่และดำเนินโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อสร้างชุมชนชาวสิงคโปร์แบบใหม่ โดยให้มีการผสมผสานของคนที่มีความแตกต่างทางเชื้อชาติ วัฒนธรรม และภาวะเศรษฐกิจ-สังคม เพื่อสร้างจิตสำนึกของความเป็นชาติ
ขณะที่รัฐบาลไทยในอดีตใช้นโยบายรัฐนิยมเพื่อสร้างจิตสำนึกความเป็นคนไทยและความเป็นเอกภาพภายในชาติ เช่น การเรียกคนในประเทศว่าเป็น “คนไทย” การกำหนดเป็นหน้าที่ให้ต้องศึกษาภาษาไทย เป็นต้น ความสำเร็จทางธุรกิจของคนเชื้อสายจีนในประเทศไทย มีความเชื่อมโยงค่อนข้างมากกับระดับของความคล้ายคลึงกับคนท้องถิ่น ลูกหลานของคนจีนในประเทศไทยเกือบทั้งหมดพูดภาษาไทย (และส่วนใหญ่พูดภาษาจีนไม่ได้) และมีชื่อและนามสกุลเป็นภาษาไทย เช่นเดียวรัฐบาลของอินโดนีเซียในอดีตที่สั่งห้ามไม่ให้ประชาชนใช้เอกสารภาษาจีนและกีดกันสิทธิของคนจีนในประเทศ ทำให้คนเชื้อสายจีนต้องปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่น สังเกตได้จากการที่คนเชื้อสายจีนในอินโดนีเซียส่วนใหญ่ใช้ภาษาท้องถิ่นและการมีชื่อเป็นภาษาท้องถิ่น