ผมได้พูดถึงการศึกษาในประเทศภูฏาน จึงขออนุญาตแทรกเรื่องการศึกษาแบบไทยๆ เนื่องจากเราเองก็กำลังจะเข้าสู่การเปิดตลาดเสรีของประชาคมอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบในอีก2ปีกว่า เนื่องจากไทยเป็นประเทศชั้นนำในอาเซียน เราต้องหันมาถามตัวเองว่าเราจะ Position การศึกษาของประเทศไทยในมิติไหน เพราะประเทศเล็กๆ อย่างภูฎานยังสร้าง Education City เพื่อเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษาของภูมิภาค
ผมจะพูดถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษาของอาเซียน แม้เราจะไม่ได้มีประชากรครึ่งโลกอย่างที่ท่านนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่น แต่ถ้ารวมประชากรของ ASEAN +3 หรือ ASEAN +6 ผมเชื่อว่าอาจจะเกินครึ่งโลกเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นเราต้องถามว่าประเทศไทยอยู่ตรงไหนในอาเซียน และถ้าบวก3 หรือ บวก 6 ประเทศภาคีแล้วไทยยืนอยู่ตรงไหน หรือมีที่ยืนหรือไม่
เนื่องจากผมเองก็เป็นนักการศึกษาคนหนึ่ง จึงให้ความสนใจในเรื่องการศึกษาค่อนข้างมาก โดยผมได้เล่าว่าการศึกษาคือสินค้าส่งออกในต่างประเทศ และได้พูดถึงการศึกษาไทยและความเป็นนานาชาติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราไม่สามารถเถียงได้อีกต่อไปว่า “การศึกษาไทยมีไว้แค่คนไทยเท่านั้น” แบบในอดีตที่เราพูดกัน เพราะถ้าประเทศไหนยังคิดแบบนี้ก็คงต้องเข้าเกียร์ถอยหลังเข้าคลองไปได้เลย เพราะแนวคิดที่ว่าการศึกษาคือวิทยาทานนั้นอาจจะเป็นจริงในยุคโบราณจนมาสิ้นสุดในสมัยสงครามเย็นที่มีโคลัมโบแพลน หรือทุนอีสต์เวสต์ ในยุคนั้นเราได้ยินชื่อทุนมากมาย และที่คนไทยรู้จักมากที่สุดคือ ทุนนักเรียนแลกเปลี่ยน AFS ซึ่งรูปแบบของ AFS ในวันนี้ก็แตกต่างจากเมื่อ 20 ปีก่อนไปมากแล้ว ทุกวันนี้การศึกษาในประเทศที่พัฒนาแล้วได้ปรับตัวให้เข้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงโดยมีการบูรณาการทั้งจากวงการศึกษาและระบบราชการเพื่อความเหมาะสม
ถ้ามองตามหลักการพัฒนาประเทศโดย Rostow สามารถแบ่ง Product ได้ใน5 มิติคือ Primitive, Pre-Take Off, Take Off, Drive to Maturity, High Consumption หากเอามาตรฐานของการพัฒนามาเป็นที่ตั้ง ระดับ Primitive คือประเทศที่ยังไม่มีระบบการศึกษาที่เป็นมาตรฐานหรือกำลังสร้างระบบอยู่ ในขณะที่ระดับ Pre-Take Off คือการเตรียมความพร้อมในการปรับระบบเพื่อความเป็นสากลแต่ยังไม่มีความพร้อมที่จะรับชาวต่างชาติเพื่อมาศึกษา หรืออาจจะมีความพร้อมแล้วแต่ก็ยังเชื่อว่าการศึกษาเป็นสิ่งที่มีไว้เพื่อคนในประเทศของเขาเพียงอย่างเดียว ขณะที่ระดับ Take Off คือการเปิดตัวสู่สากล และเป็นการเรียนรู้ร่วมกันเพื่อพัฒนารากฐานของการศึกษาและการให้บริการ ซึ่งเปรียบเสมือนการเปิดตลาดและพยายามที่จะปรับการบริการต่างๆให้เข้ากับความต้องการของตลาด ส่วนในระดับDrive to Maturity นั้นคือการพัฒนาระบบต่างๆ ให้เหมาะสม ในขณะที่ High Consumption จะมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน เช่นประเทศพัฒนาแล้วที่ใช้ภาษาอังกฤษอย่างอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา ซึ่งทำธุรกิจทางการศึกษาอย่างเป็นระบบ
- See more at: http://www.gotomanager.com/content/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0-aec-2015#sthash.Fh3Tfzah.dpuf