วอดก้า (Vodka) คำว่า “Vodka” หรือ Wodka” มาจากภาษารัสเซียคือ “Zhiznennia Voda” แปลว่า “Water of Life” บ้างก็แปลว่า “Little Water” วอดก้าเป็นที่ยอมรับของชาวอเมริการาวประมาณปี ค.ศ. 1946 วอดก้าเป็นเหล้าสีขาวใส มีกลิ่นเพียงเล็กน้อยจนแทบไม่รู้สึก ดีกรี 40-60 สมัยก่อนไม่เป็นที่รู้จัก แต่ในปัจจุบันเป็นเหล้าที่นิยมกันมาก เป็นเหล้าที่หมักจากข้าว หรือมันฝรั่งและอ้อยแล้วแต่วัตถุดิบของผู้ผลิตประเทศนั้นๆ ผ่านการกรองและดูดกลิ่นจนเหลือสีเจือปนและกลิ่นน้อยที่สุด วอดก้าของรัสเซีย หรือโปแลนด์บางชนิดนิยมแช่สมุนไพร หรือเครื่องเทศเพื่อให้เป็นเหล้ายา แต่ไม่ค่อยพบในท้องตลาดบ้านเรา
คำว่า “It will leave you breathless”ที่ชาวยุโรปพูดกันจนชิน คือ เมื่อดื่มวอดก้า แล้วจะไม่มีกลิ่นติดค้างเมื่อหายใจ ค็อกเทลที่ผสมวอดก้าที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ Screw Driver, Bloody Mary, Vodka Martini,Salty Dog’s เป็นต้น ส่วนเหล้าวอดก้าที่เรารู้จักกันดีในประเทศไทย คือ Borzoi , Smirnoff, Stolighinaya, Ursus, Skyy,
ปัจจุบัน วอดก้าสามารถผลิตกันได้ทั่วทุกมุมโลก แม้กระทั่งประเทศไทยเอง ก็สามารถผลิตได้เหมือนมากจนเป็นที่รู้จักกันทั่วไปคือ อังเคิล ทอม วี (Uncle Tom-V)และอังเคิล ทอม เบอร์ 9(Uncle Tom No.9)
วอดก้า มีต้นกำเนิดในแถบยุโรปตะวันออก โดยเฉพาะ รัสเซีย (Russia) และ โปแลนด์ (Poland) ซึ่งมีอากาศหนาวเย็น ผู้คนแสวงหาเครื่องดื่มที่จะช่วยให้พวกเขาต่อสู้กับความหนาวเย็นได้ วอดก้า เป็น นิวโทรล์ สปิริต (Neutral Spirt) คือ สุราที่มีความเป็นกลาง กล่าวคือ ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี และ ไม่มีรส แต่วอดก้าราคาถูกอาจมีรสขมติดปลายลิ้น หรืออาจ มีกลิ่นของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต หลงเหลืออยู่
วัตถุดิบในการผลิตของวอดก้านั้น มีหลากหลายชนิด นับตั้งแต่ มันฝรั่ง (Potato), เมล็ดข้าว (Grain) เช่น เมล็ดข้าวโพด (Corn) และเมล็ดข้าวสาลี (Wheat) แต่ส่วนมากจะ ใช้ธัญญพืช ในการผลิต สำหรับประเทศที่มีการผลิตวอดก้านี้ ไม่ใช่จะมีแต่ประเทศรัสเซียเท่านั้น แต่ยังมีประเทศอื่นอีกที่มีการผลิตเหล้าชนิดนี้ เช่น ประเทศอเมริกา(America) และประเทศโปแลนด์ (Poland) เป็นต้น
ถ้าดูจากกฏหมายที่ระบุความเป็นเหล้าวอดก้าแล้วอาจจะไม่นึกอยากดื่มด้วยซ้ำเพราะ วอดก้าจะต้องไม่มีบุคลิก, ไม่มีสี, ไม่มีกลิ่น, ไม่มีรส แต่ทว่าเอกลักษณ์อันนี้ทำให้วอดก้าเป็นเหล้าที่ใช้ผสมที่ดีที่สุด เพราะแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ช่วยเน้นรสชาติของสิ่งที่ผสมลงไปทำให้เกิดความหอมหวานยิ่งขึ้น และใช้ผสมกับสุราอื่นๆได้ทุกชนิด นอกจากนี้ วอดก้ายังได้รับการพิสูจน์แล้วว่า เมื่อดื่มแล้ว จะทำให้เกิดอาการเมาค้างในวันรุ่งขึ้นได้น้อยที่สุดในบรรดาสุราทุกชนิด
วอดก้า (Vodka) คำว่า “Vodka” หรือ Wodka” มาจากภาษารัสเซียคือ “Zhiznennia Voda” แปลว่า “Water of Life” บ้างก็แปลว่า “Little Water” วอดก้าเป็นที่ยอมรับของชาวอเมริการาวประมาณปี ค.ศ. 1946 วอดก้าเป็นเหล้าสีขาวใส มีกลิ่นเพียงเล็กน้อยจนแทบไม่รู้สึก ดีกรี 40-60 สมัยก่อนไม่เป็นที่รู้จัก แต่ในปัจจุบันเป็นเหล้าที่นิยมกันมาก เป็นเหล้าที่หมักจากข้าว หรือมันฝรั่งและอ้อยแล้วแต่วัตถุดิบของผู้ผลิตประเทศนั้นๆ ผ่านการกรองและดูดกลิ่นจนเหลือสีเจือปนและกลิ่นน้อยที่สุด วอดก้าของรัสเซีย หรือโปแลนด์บางชนิดนิยมแช่สมุนไพร หรือเครื่องเทศเพื่อให้เป็นเหล้ายา แต่ไม่ค่อยพบในท้องตลาดบ้านเรา
คำว่า “It will leave you breathless”ที่ชาวยุโรปพูดกันจนชิน คือ เมื่อดื่มวอดก้า แล้วจะไม่มีกลิ่นติดค้างเมื่อหายใจ ค็อกเทลที่ผสมวอดก้าที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ Screw Driver, Bloody Mary, Vodka Martini,Salty Dog’s เป็นต้น ส่วนเหล้าวอดก้าที่เรารู้จักกันดีในประเทศไทย คือ Borzoi , Smirnoff, Stolighinaya, Ursus, Skyy,
ปัจจุบัน วอดก้าสามารถผลิตกันได้ทั่วทุกมุมโลก แม้กระทั่งประเทศไทยเอง ก็สามารถผลิตได้เหมือนมากจนเป็นที่รู้จักกันทั่วไปคือ อังเคิล ทอม วี (Uncle Tom-V)และอังเคิล ทอม เบอร์ 9(Uncle Tom No.9)
วอดก้า มีต้นกำเนิดในแถบยุโรปตะวันออก โดยเฉพาะ รัสเซีย (Russia) และ โปแลนด์ (Poland) ซึ่งมีอากาศหนาวเย็น ผู้คนแสวงหาเครื่องดื่มที่จะช่วยให้พวกเขาต่อสู้กับความหนาวเย็นได้ วอดก้า เป็น นิวโทรล์ สปิริต (Neutral Spirt) คือ สุราที่มีความเป็นกลาง กล่าวคือ ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี และ ไม่มีรส แต่วอดก้าราคาถูกอาจมีรสขมติดปลายลิ้น หรืออาจ มีกลิ่นของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต หลงเหลืออยู่
วัตถุดิบในการผลิตของวอดก้านั้น มีหลากหลายชนิด นับตั้งแต่ มันฝรั่ง (Potato), เมล็ดข้าว (Grain) เช่น เมล็ดข้าวโพด (Corn) และเมล็ดข้าวสาลี (Wheat) แต่ส่วนมากจะ ใช้ธัญญพืช ในการผลิต สำหรับประเทศที่มีการผลิตวอดก้านี้ ไม่ใช่จะมีแต่ประเทศรัสเซียเท่านั้น แต่ยังมีประเทศอื่นอีกที่มีการผลิตเหล้าชนิดนี้ เช่น ประเทศอเมริกา(America) และประเทศโปแลนด์ (Poland) เป็นต้น
ถ้าดูจากกฏหมายที่ระบุความเป็นเหล้าวอดก้าแล้วอาจจะไม่นึกอยากดื่มด้วยซ้ำเพราะ วอดก้าจะต้องไม่มีบุคลิก, ไม่มีสี, ไม่มีกลิ่น, ไม่มีรส แต่ทว่าเอกลักษณ์อันนี้ทำให้วอดก้าเป็นเหล้าที่ใช้ผสมที่ดีที่สุด เพราะแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ช่วยเน้นรสชาติของสิ่งที่ผสมลงไปทำให้เกิดความหอมหวานยิ่งขึ้น และใช้ผสมกับสุราอื่นๆได้ทุกชนิด นอกจากนี้ วอดก้ายังได้รับการพิสูจน์แล้วว่า เมื่อดื่มแล้ว จะทำให้เกิดอาการเมาค้างในวันรุ่งขึ้นได้น้อยที่สุดในบรรดาสุราทุกชนิด
การแปล กรุณารอสักครู่..

วอดก้า ( วอดก้า ) คำว่า " วอดก้า " ค็อค ว๊อดก้า " มาจากภาษารัสเซียคือ " zhiznennia น้ํา " แปลว่า " น้ำแห่งชีวิต " บ้างก็แปลว่าน้อย " น้ำ " วอดก้าเป็นที่ยอมรับของชาวอเมริการาวประมาณปีค . ศ .1946 วอดก้าเป็นเหล้าสีขาวใสมีกลิ่นเพียงเล็กน้อยจนแทบไม่รู้สึกดีกรี 40-60 สมัยก่อนไม่เป็นที่รู้จักแต่ในปัจจุบันเป็นเหล้าที่นิยมกันมากเป็นเหล้าที่หมักจากข้าวผ่านการกรองและดูดกลิ่นจนเหลือสีเจือปนและกลิ่นน้อยที่สุดวอดก้าของรัสเซียหรือโปแลนด์บางชนิดนิยมแช่สมุนไพรหรือเครื่องเทศเพื่อให้เป็นเหล้ายาแต่ไม่ค่อยพบในท้องตลาดบ้านเรา
คำว่า " มันจะทำให้คุณแทบหยุดหายใจ " ที่ชาวยุโรปพูดกันจนชินความเมื่อดื่มวอดก้าแล้วจะไม่มีกลิ่นติดค้างเมื่อหายใจค็อกเทลที่ผสมวอดก้าที่เป็นที่รู้จักกันดีความไขควง บลัดดี้ แมรี่ วอดก้า มาร์ตินี่สุนัขเค็มเป็นต้นส่วนเหล้าวอดก้าที่เรารู้จักกันดีในประเทศไทยบอร์ซอยด์ Smirnoff , ความ , stolighinaya ursus Skyy
, , ,ปัจจุบันวอดก้าสามารถผลิตกันได้ทั่วทุกมุมโลกแม้กระทั่งประเทศไทยเองก็สามารถผลิตได้เหมือนมากจนเป็นที่รู้จักกันทั่วไปคืออังเคิลทอมวี ( ลุง tom-v ) และอังเคิลทอมเบอร์ 9 ( ลุงทอม
9 )วอดก้ามีต้นกำเนิดในแถบยุโรปตะวันออกโดยเฉพาะรัสเซีย ( รัสเซีย ) และโปแลนด์ ( โปแลนด์ ) ซึ่งมีอากาศหนาวเย็นผู้คนแสวงหาเครื่องดื่มที่จะช่วยให้พวกเขาต่อสู้กับความหนาวเย็นได้วอดก้าเป็นนิวโทรล์สปิริต ( spirt เป็นกลาง ) ความกล่าวคือไม่มีกลิ่นไม่มีสีและไม่มีรสแต่วอดก้าราคาถูกอาจมีรสขมติดปลายลิ้นหรืออาจมีกลิ่นของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตหลงเหลืออยู่
วัตถุดิบในการผลิตของวอดก้านั้นมีหลากหลายชนิดนับตั้งแต่มันฝรั่ง ( มันฝรั่ง )เมล็ดข้าว ( เม็ด ) เช่นเมล็ดข้าวโพด ( ข้าวโพด ) และเมล็ดข้าวสาลี ( ข้าวสาลี ) แต่ส่วนมากจะใช้ธัญญพืชในการผลิตสำหรับประเทศที่มีการผลิตวอดก้านี้ไม่ใช่จะมีแต่ประเทศรัสเซียเท่านั้นเช่นประเทศอเมริกา ( อเมริกา ) และประเทศโปแลนด์ ( โปแลนด์ ) เป็นต้น
ถ้าดูจากกฏหมายที่ระบุความเป็นเหล้าวอดก้าแล้วอาจจะไม่นึกอยากดื่มด้วยซ้ำเพราะวอดก้าจะต้องไม่มีบุคลิกไม่มีสีไม่มีกลิ่น , , ,ไม่มีรสแต่ทว่าเอกลักษณ์อันนี้ทำให้วอดก้าเป็นเหล้าที่ใช้ผสมที่ดีที่สุดเพราะแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ช่วยเน้นรสชาติของสิ่งที่ผสมลงไปทำให้เกิดความหอมหวานยิ่งขึ้นและใช้ผสมกับสุราอื่นๆได้ทุกชนิดนอกจากนี้เมื่อดื่มแล้วจะทำให้เกิดอาการเมาค้างในวันรุ่งขึ้นได้น้อยที่สุดในบรรดาสุราทุกชนิด
การแปล กรุณารอสักครู่..
