สาเหตุที่มีการเหยียดสีผิวอาจเกิดขึ้

สาเหตุที่มีการเหยียดสีผิวอาจเกิดขึ้นมาจาก

ในอดีตมีปัญหาการเหยียดสีผิวอย่างรุนแรง  แม้แต่ในแอฟริกาก็เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นเช่นเดียวกัน แม้ว่าคนพื้นเมืองดั้งเดิมจะเป็นเจ้าของพื้นที่และได้ชื่อว่าเป็นผู้อยู่มาก่อน แต่การล่าอาณานิคมของคนผิวขาวในยุคแสวงหาอาณานิคมทำให้ชนพื้นเมืองดั้งเดิมต้องกลายเป็นพลเมืองชั้นสอง  ต้องยอมปฏิบัติตามและตกอยู่ภายใต้การกดขี่ของผู้มาใหม่ทุกประการ ภายหลังเมื่อแอฟริกาใต้ได้รับเอกราชจากอังกฤษและฮอลแลนด์แล้ว  ชาวแอฟริกันก็ยังต้องอยู่ภายใต้การปกครองของคนขาวในฐานะประเทศเอกราชในเครือจักรภพอังกฤษ ด้วยเหตุที่คนขาวมีความรู้ความสามารถมากกว่าจึงใช้อำนาจที่มีกดขี่ข่มเหงคนผิวดำด้วยนโยบายที่ควรได้รับการประณามมากที่สุดนโยบายหนึ่งที่มีชื่อว่า นโยบายการแบ่งแยกสีผิว (Apartheid)

เป็นแนวคิดหรือการกระทำที่เข้าข่าย “เสรีภาพในการแสดงออก” ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ตราบใดที่ไม่ถึงขั้นทุบตีทำร้าย หรือฆ่าแกงคนผิวสี ก็ไม่ถือว่าผิดกฎหมายเป็น

แนวคิดที่สวนกับความเป็นจริงของสังคมโลก ทำให้คนกลุ่มนี้อยู่ในสภาพที่เหมือนไฟสุมอก อิจฉาริษยา และระบายออกในลักษณะของการเหยียดหยาม กลั่นแกล้งทำร้ายคนผิวสีต่างๆ นานา รวมถึงการกีดกันสารพัดชนิด 

การเกลียดชังสีผิวเป็นเรื่องที่พวกเราคนไทยควรให้ความสนใจ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องของ “คนขาว-คนดำ” เพราะความเกลียดชังของคนใจแคบนั้น คงไม่หยุดแค่คนผิวดำเท่านั้น แต่จะลามมาถึงผิวสีน้ำตาล และผิวเหลืองของพวกเราด้วย

ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราได้ยินได้ฟังข่าวการรังแกคนผิวสี ไม่ว่าจะเป็นผิวดำ หรือผิวสีน้ำตาล หรือกระทั่งผิวเหลืองให้ได้ยินอยู่บ่อยๆ เฉพาะเหตุการณ์ใหญ่ที่ส่งผลลุกลามเป็น “บาดแผล” ทางสังคมให้ได้จดจำก็มีเยอะจนนับไม่ถ้วน

นี่ยกตัวอย่างเฉพาะเหตุการณ์ใหญ่ๆ ที่เห็นชัดว่ามีแรงขับมาจากการเหยียดผิวของคนอเมริกันเท่านั้น เหตุการณ์ย่อยๆ อย่างกรณีทำร้ายร่างกายคนผิวดำ ลาติโน่ เอเชีย หรือกระทั่งทำร้ายเกย์หรือกระเทย หรือการกีดกันความก้าวหน้าในรูปแบบต่างๆ ที่คนผิวสีต้องเผชิญกันแบบรายวัน มองแล้วก็สามารถสะท้อนให้เห็นถึง “จิตใต้สำนึก” ของคนอเมริกันส่วนหนึ่งได้ว่ายังมีแนวคิดเรื่องการเหยียดผิวชังพรรณกันอยู่  และพร้อมที่จะลุกโชนขึ้นมาได้เสมอหากถ้ามีชนวนความขัดแย้งเกิดขึ้น

แต่หากมองย้อนไปถึงสาเหตุที่ทำให้คนผิวดำ (ส่วนหนึ่ง) มีพฤติกรรมเช่นนั้น จะเห็นว่ามีส่วนจากการทำของคนผิวขาวนั่นแหละ เพราะหากไม่มีการกีดกัน กลั่นแกล้ง รังแกกันมาตั้งแต่สมัยโบร่ำโบราณแล้วล่ะก็ ความเท่าเทียมกันในทุกด้านย่อมไม่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำแบบนี้เกิดขึ้นมากนักอเมริกาวันนี้ มีประธานาธิบดีเป็นคนผิวดำแล้ว แต่แนวคิดเรื่องการดูถูกดูหมิ่นคนผิวสียังคงมีอยู่ เช่นเดียวกัน

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

The cause that has stretched the skin color may be caused by.ในอดีตมีปัญหาการเหยียดสีผิวอย่างรุนแรง แม้แต่ในแอฟริกาก็เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นเช่นเดียวกัน แม้ว่าคนพื้นเมืองดั้งเดิมจะเป็นเจ้าของพื้นที่และได้ชื่อว่าเป็นผู้อยู่มาก่อน แต่การล่าอาณานิคมของคนผิวขาวในยุคแสวงหาอาณานิคมทำให้ชนพื้นเมืองดั้งเดิมต้องกลายเป็นพลเมืองชั้นสอง ต้องยอมปฏิบัติตามและตกอยู่ภายใต้การกดขี่ของผู้มาใหม่ทุกประการ ภายหลังเมื่อแอฟริกาใต้ได้รับเอกราชจากอังกฤษและฮอลแลนด์แล้ว ชาวแอฟริกันก็ยังต้องอยู่ภายใต้การปกครองของคนขาวในฐานะประเทศเอกราชในเครือจักรภพอังกฤษ ด้วยเหตุที่คนขาวมีความรู้ความสามารถมากกว่าจึงใช้อำนาจที่มีกดขี่ข่มเหงคนผิวดำด้วยนโยบายที่ควรได้รับการประณามมากที่สุดนโยบายหนึ่งที่มีชื่อว่า นโยบายการแบ่งแยกสีผิว (Apartheid)As a concept, or an action that "freedom of expression" protected by constitutional law, as long as it does not hurt to bash or kill people, it is not black Curry are considered as illegal.The concept of the reality of the social world. This group of people in a fire, a fire-like chest. Heartburn and cool off in the nature of bullying hurt people abusing the skin colors including various types of goodies. การเกลียดชังสีผิวเป็นเรื่องที่พวกเราคนไทยควรให้ความสนใจ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องของ “คนขาว-คนดำ” เพราะความเกลียดชังของคนใจแคบนั้น คงไม่หยุดแค่คนผิวดำเท่านั้น แต่จะลามมาถึงผิวสีน้ำตาล และผิวเหลืองของพวกเราด้วยตลอดเวลาที่ผ่านมา เราได้ยินได้ฟังข่าวการรังแกคนผิวสี ไม่ว่าจะเป็นผิวดำ หรือผิวสีน้ำตาล หรือกระทั่งผิวเหลืองให้ได้ยินอยู่บ่อยๆ เฉพาะเหตุการณ์ใหญ่ที่ส่งผลลุกลามเป็น “บาดแผล” ทางสังคมให้ได้จดจำก็มีเยอะจนนับไม่ถ้วน นี่ยกตัวอย่างเฉพาะเหตุการณ์ใหญ่ๆ ที่เห็นชัดว่ามีแรงขับมาจากการเหยียดผิวของคนอเมริกันเท่านั้น เหตุการณ์ย่อยๆ อย่างกรณีทำร้ายร่างกายคนผิวดำ ลาติโน่ เอเชีย หรือกระทั่งทำร้ายเกย์หรือกระเทย หรือการกีดกันความก้าวหน้าในรูปแบบต่างๆ ที่คนผิวสีต้องเผชิญกันแบบรายวัน มองแล้วก็สามารถสะท้อนให้เห็นถึง “จิตใต้สำนึก” ของคนอเมริกันส่วนหนึ่งได้ว่ายังมีแนวคิดเรื่องการเหยียดผิวชังพรรณกันอยู่ และพร้อมที่จะลุกโชนขึ้นมาได้เสมอหากถ้ามีชนวนความขัดแย้งเกิดขึ้นแต่หากมองย้อนไปถึงสาเหตุที่ทำให้คนผิวดำ (ส่วนหนึ่ง) มีพฤติกรรมเช่นนั้น จะเห็นว่ามีส่วนจากการทำของคนผิวขาวนั่นแหละ เพราะหากไม่มีการกีดกัน กลั่นแกล้ง รังแกกันมาตั้งแต่สมัยโบร่ำโบราณแล้วล่ะก็ ความเท่าเทียมกันในทุกด้านย่อมไม่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำแบบนี้เกิดขึ้นมากนักอเมริกาวันนี้ มีประธานาธิบดีเป็นคนผิวดำแล้ว แต่แนวคิดเรื่องการดูถูกดูหมิ่นคนผิวสียังคงมีอยู่ เช่นเดียวกัน

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 2:

The reason is that there is racism may arise from problems in the past with violent racism. Even in Africa, it causes problems such as. Although indigenous people to own area and was named as the first. But the colonization of whites in the colonies, making indigenous to become second-class citizens. Must agree to comply with and under the oppression of newcomers in all respects. Later, when South Africa gained independence from Britain and Holland already. The Africans still live under the rule of the white man as an independent nation within the British Commonwealth. Because the white people have the ability to use power over the oppressed blacks with policies that should be condemned most of the policy is called. Apartheid policy (Apartheid) is a concept or an action which he sold. "Freedom of expression" is protected under the Constitution. As long as not even beaten. Or kill other people of color It is not illegal to park concept to the reality of the world community. These people are in a condition like a fire heartburn and chest drain in the form of disdain. Bullying hurt colored variety, including the exclusion of all kinds  of hate black people is that we should pay attention to Thailand. Do not think that the story of "white people - black people" because of the hatred of intolerance. It is not just black people only. It will spread to the skin brown. Yellow skin and of us all some time ago. We hear news of the persecuted black. Whether it's black Or mulatto Yellow skin or even to hear often. Only events that affect aggressive "cuts" to social recognition but also countless examples of this particular big events. That apparently is driven by racism of the American people only. Minor event The assault case Blacks Latino, Asian, or even harm gay or homosexual. Or deprivation progress in various formats. The black faced each other on a daily basis. I was able to reflect. "Unconscious" part of the American people that there is a notion of racial hatred species live. And ready to blaze up if you have always triggered conflicts happen , but if I look back to the causes Blacks (part) behaving like that. It is evident that a section of the whites that. If not discourage bullying, bullies since the time of ancient wrong. Equality in all aspects of inequality will not cause this to happen much America today. There is a black president now. But the concept of insult black people remains the same.

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

สาเหตุที่มีการเหยียดสีผิวอาจเกิดขึ้นมาจาก
ในอดีตมีปัญหาการเหยียดสีผิวอย่างรุนแรง แม้แต่ในแอฟริกาก็เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นเช่นเดียวกันแม้ว่าคนพื้นเมืองดั้งเดิมจะเป็นเจ้าของพื้นที่และได้ชื่อว่าเป็นผู้อยู่มาก่อนแต่การล่าอาณานิคมของคนผิวขาวในยุคแสวงหาอาณานิคมทำให้ชนพื้นเมืองดั้งเดิมต้องกลายเป็นพลเมืองชั้นสอง ต้องยอมปฏิบัติตามและตกอยู่ภายใต้การกดขี่ของผู้มาใหม่ทุกประการภายหลังเมื่อแอฟริกาใต้ได้รับเอกราชจากอังกฤษและฮอลแลนด์แล้ว ชาวแอฟริกันก็ยังต้องอยู่ภายใต้การปกครองของคนขาวในฐานะประเทศเอกราชในเครือจักรภพอังกฤษด้วยเหตุที่คนขาวมีความรู้ความสามารถมากกว่าจึงใช้อำนาจที่มีกดขี่ข่มเหงคนผิวดำด้วยนโยบายที่ควรได้รับการประณามมากที่สุดนโยบายหนึ่งที่มีชื่อว่านโยบายการแบ่งแยกสีผิว（种族隔离）
เป็นแนวคิดหรือการกระทำที่เข้าข่าย”เสรีภาพในการแสดงออก”ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายรัฐธรรมนูญตราบใดที่ไม่ถึงขั้นทุบตีทำร้ายหรือฆ่าแกงคนผิวสีก็ไม่ถือว่าผิดกฎหมายเป็น
แนวคิดที่สวนกับความเป็นจริงของสังคมโลกทำให้คนกลุ่มนี้อยู่ในสภาพที่เหมือนไฟสุมอกอิจฉาริษยาและระบายออกในลักษณะของการเหยียดหยามกลั่นแกล้งทำร้ายคนผิวสีต่างๆนานารวมถึงการกีดกันสารพัดชนิด 
การเกลียดชังสีผิวเป็นเรื่องที่พวกเราคนไทยควรให้ความสนใจอย่าคิดว่าเป็นเรื่องของ”คนขาว-คนดำ”เพราะความเกลียดชังของคนใจแคบนั้นคงไม่หยุดแค่คนผิวดำเท่านั้นแต่จะลามมาถึงผิวสีน้ำตาลและผิวเหลืองของพวกเราด้วย
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราได้ยินได้ฟังข่าวการรังแกคนผิวสีไม่ว่าจะเป็นผิวดำหรือผิวสีน้ำตาลหรือกระทั่งผิวเหลืองให้ได้ยินอยู่บ่อยๆเฉพาะเหตุการณ์ใหญ่ที่ส่งผลลุกลามเป็น”บาดแผล”ทางสังคมให้ได้จดจำก็มีเยอะจนนับไม่ถ้วน
นี่ยกตัวอย่างเฉพาะเหตุการณ์ใหญ่ๆที่เห็นชัดว่ามีแรงขับมาจากการเหยียดผิวของคนอเมริกันเท่านั้นเหตุการณ์ย่อยๆอย่างกรณีทำร้ายร่างกายคนผิวดำลาติโน่เอเชียหรือกระทั่งทำร้ายเกย์หรือกระเทยหรือการกีดกันความก้าวหน้าในรูปแบบต่างๆที่คนผิวสีต้องเ