การตั้งถิ่นฐานของชาวสุเมเรียน
ชนชาติสุเมเรียน (Sumerian) เป็นชนชาติแรกที่สร้างความเจริญขึ้นในบริเวณเมโสโปเตเมีย ซึ่งเชื่อกันว่า ชาวสุเมเรี่ยนได้อพยพมาจากที่ราบสูงอิหร่าน และได้มาตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณตอนล่างสุดของลุ่มแม่น้ำไทกริสและยูเฟรติสตรงส่วนที่ติดกับอ่าวเปอร์เซีย โดยเรียกบริเวณนี้ว่า ซูเมอร์ (Sumer) นักประวัติศาสตร์ถือว่า ซูเมอร์ คือ แหล่งกำเนิดของนครรัฐ (city-state) แห่งแรกของโลก
การตั้งถิ้นฐานเริ่มแรกของชาวสุเมเรียนนั้นเป็นเพียงหมูบ้านกสิกรรม ต่อมาเมื่อรวมกันและได้มีการสร้างชลประทานขึ้น ทำให้หมูบ้านได้รวมเป็นศูนย์กลางการปกครองในลักษณะของเมือง เมืองที่สำคัญได้แก่ อิเรค (Erech) อิริดู (Eridu) เออร์ (Ur) ลาร์ซา (Larsa) ลากาซ (Lagash) อุมมา (Umma) นิปเปอร์ (Nippur) คิช (Kish) เป็นต้น เมืองต่างๆเหล่านี้มีฐานะเป็นศูนย์กลางของการปกครองที่ไม่ขึ้นต่อกันที่เรียกว่า "นครรัฐ" โดยแต่ละนครรัฐดูแลความเป็นอยู่ของคนในนครรัฐของตย
ความเจริญของอารยธรรมสุเมเรียน
1.การปกครองในรูปแบบของนครรัฐ ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวสุเมเรียนเริ่มแรกจากชีวิตแบบหมูบ้านเล็กๆ ต่อมาจึงเปลี่ยนมาเป็นชีวิตในเมืองที่มีการปกครองในรูปแบบนครรัฐ ระยะแรก ชาวสุเมเรียนมีพระเป็นผู้ดูแลและควบคุมกิจการต่างๆในนครรัฐ พระจะมีอำนาจในการปกครองแผ่นดินและเป็นประมุขสูงสุด เรียกว่า ปะเตชี (Patesi) ทำการปกครองในนามของพระเป็นเจ้า ทำหน้าที่ควบคุมตั้งแต่การเก็บภาษี ได้แก่ ข้าวปลาอาหาร ตลอดจนควบคุมการดูแลเกี่ยวกับการชลประทานและการทำไล่ไถนา ต่อมาเมื่อเกิดการแข่งขันและรบพุ่งระหว่างนครรัฐ อำนาจการปกครองจึงมาอยู่ที่นักรบหรือกษัตริย์แทน กษัตริย์จะมีตำแหน่งเรียกว่า ลูกาล (Lugal) ซึ่งเป็นผู้เข้มแข็งสามารถสู้รบป้องกันนครรัฐ และทำหน้าที่ควบคุมดูแลกิจกรรมต่างๆแทนพระ การปกครองแบบนครรัฐของชาวสุเมเรียนดังกล่าวนี้ นับได้ว่าเป็นนครรัฐแห่งแรกของโลก และยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อการตั้งถิ่นฐานของอารยธรรมบาบิโลเนีย อารยธรรมอัสซีเรียน อารยธรรมอิหร่าน รวมทั้งอารยธรรมใกล้เคียงอย่างอียิปต์ด้วย
3,500 ปี ก่อนคริสตกาล พวกสุเมเรียนได้สร้างอารยธรรมของตน เมืองที่ก่อตัวขึ้นในเขตซูเมอร์ระยะนี้ได้แก่เมืองออร์ เมืองริเรค เมืองอิริดู เมืองลากาซ และเมืองนิปเปอร์ เมืองเหล่านี้เป็นศูนย์กลางของระบบชลประทาน โดยก่อตัวขึ้นได้สำเร็จเพราะประสิทธิภาพของระบบการจัดการน้ำ เช่น การเก็บกักและการระบายน้ำ เมืองมีฐานะเป็นอิสระและเป็นศูนย์กลางของการปกครองที่ไม่ขึ้นตรงกันเรียกว่า นครรัฐ
2.ด้านชลประทาน ชาวสุเมเรียนเป็นชนชาติแรกที่ได้สร้างระบบชลประทานที่มีประสิทธิภาพสูง ทั้งนี้เนื่องจากถิ่นฐานที่ชาวสุเมเรียนรุ่นแรกได้สร้างล้านเรือนนั้น ทั่วทั้งแผ่นดินปกคลุมด้วยบริเวณพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์ อันเกิดจากการทับถมของโคลนตมที่แม่น้ำพัดมา พท้นดินดังกล่าวเหมาะแก่การเพาะปลูกพืชผลทางเกษตรแต่ที่ยากลำบากคือ ปัญหาเรื่องน้ำ เพราะบริเวณเมโสโปเตเมียเกือบจะเรียกได้ว่าฝนไม่ตกเลย ทำให้พื้นที่ที่อยู่ห่างจากแม่น้ำ เป็นที่แห้งแล้งไม่เหมาะสมแก่การทำเพาะปลูก ในขณะเดียวกันน้ำจะเอ่อขึ้นท่วมฝั่งทุกปี ทำให้บริเวณที่อยู่ใกล้ริมฝั่งแม่น้ำชุ่มชื้น แฉะ น้ำขังเป็นเหมือนบึง ปัญหาจึงอยู่ที่ว่าพื้นที่บางแห่งชื้นแฉะเกินไป บางแห่งแห้งแล้งเกินไป ซึ่งชาวสุเมเรียนที่เข้ามาในระยะแรกได้เห็นปัญหาดังกล่าว เมื่อพวกเขาได้ตัดสินใจตั้งรกรากในบริเวณนี้ก็จะต้องหาทางเอาชนะธรรมชาติ ด้วยการเปลี่ยนแปลงธรรมชาติเพื่อให้ประโยชน์ในการดำรงชีวิตของตนมากที่สุด กล่าวคือในขั้นแรกชาวสุเมเรียนได้สร้างนบใหญ่ขึ้นสองฝากฝั่งแม่น้ำยูเฟรติส สร้างคลองระบายน้ำ เขื่อนกั้นน้ำ ประตูน้ำ และอ่างเก็บน้ำ เพื่อระบายน้ำออกไปให้ได้ไกลที่สุด และเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ยามที่ต้องการ วิธีการควบคุมน้ำและจัดระเบียบน้ำดังกล่าวคือระบบชลประทานครั้งแรกของโลก ที่ชาวสุเมเรียนได้เป็นกลุ่มแรกที่ใช้งานระบบนี้
3.ด้านการเพาะปลูก อารยธรรมสุเมเรียนมีความก้าวหน้ามาก มีการใช้คันไถเทียมด้วยวัว ทำให้สามารถหว่านไถได้เป็นวริเวณกว้างกว่าเดิม ลำพังแต่การใช้จอบหรือเสียม การเพาะปลูกเหมือนกับการทำสวนครัวในบ้าน การประดิษฐ์คันไถเทียมด้วยวัวมีความสำคัญในแง่ที่ว่ามนุษย์เริ่มรู้จักใช้และควบคุมที่มาของพลังงาน คือพลังงานของสัตว์นอกเหนือไปจากพลังงานที่มาจากตัวของมนุษย์เอง นอกจากนี้ชาวสุเมเรียนยังประดิษฐ์เครื่องมือทางเกษตรดั้งเดิม เช่น เครื่องหยอดเมล็ดพืชซึ่งปัจจุบันก็ยังใช้กันอยู่ในบางแห่งของโลก เครื่องหยอดเมล็ดพืชทำงานโดยกรุยพื้นดินให้เป็นร่องก่อน ต่อจากนั้นค่อยๆ หยอดเมล็ดพืชลงในร่องโดยผ่านทางกรวยเล็กๆ เมื่อเมล็ดพืชลงไปอยู่ในดินแล้ว คนบังคับเครื่องมือจะเดินย่ำกลบเป็นอันเสร็จกรรมวิธีหยอดเมล็ด ชาวสุเมเรียนนอกจากจะประสบความสำเร็จในการเพาะปลูกแล้ว หลักฐานทางโบราณคดียังบ่งชี้ว่าพวกสุเมเรียนนิยมเลี้ยงสัตว์ โดยมีการทำนมเนย เนย และผ้าขนสัตว์เป็นต้น
4.การเขียนตัวหนังสือ อารยธรรมสุเมเรียนเป็นชนชาติแรกในดินแดนเมโสโปเตเมียที่รู้จักการเขียนหนังสือ การเขียนตัวหนังสือของชาวสุเมเรียนจะใช้ไม้เสี้ยนปลายให้แหลมหรือใช้กระดูทำปลายให้มีลักษณะคล้ายรูปลิ่มกดลงบนแผ่นดินเหนียวที่ยังอ่อนอยู่ทำให้เกิดเป็นรอย แล้วนำไปตากแดดให้แห้งหรือเผาไฟตัวอักษรชนิดนี้เรียกว่าตัวอักษรคูนิฟอร์ม (Cuneiform) หรือตัวอักษรรูปลิ่ม และใช้ตัวอักษรนี้เขียนข้อความต่างๆ ซึ่งมีอิทธิพลต่อการเขียนตัวอักษรของกรีกและโรมันในสมัยต่อมา
5.วรรณกรรม ด้วยความสำเร็จในระบบการเขียนทำให้ชาวสุเมเรียนสามารถสร้างวรรณกรรมที่สำคัญเรื่องแรกของโลก วึ่งรู้จักอย่างกว้างขวางและมีขนาดยาวที่ชื่อว่า มหากาพย์กิลกาเมช (Gilgamehsepic) เขียนบนแผ่นดินเผาขนาดใหญ่ 12 แผ่น รวมด้วยกันทั้งสิ้น 3000 บรรทัด