ในช่วงกว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา การล

ในช่วงกว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) มีความสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย

มีส่วนผลักดันให้ไทยสามารถก้าวข้ามและเปลี่ยนผ่านจากการผลิตยุคเกษตรสู่ยุคอุตสาหกรรม และจากการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้าเป็นการผลิตเพื่อส่งออก ส่งผลให้เกิดการลงทุน การจ้างงาน และมีส่วนช่วยให้ GDP เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมา
ณ วันนี้ ท่ามกลางข้อจำกัดภายในประเทศทั้งโครงสร้างการผลิตและการบริหารนโยบายต่างๆ ของภาครัฐ จึงเกิดประเด็นคำถามสำคัญ คือ บทบาทของ FDI ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวสะท้อนความสามารถในการแข่งขันของไทยอย่างไร และท้ายที่สุด นโยบายของไทยควรดำเนินไปในทิศทางใดเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนั้น
ประเด็นแรก จะพบว่า ในระยะหลังบทบาทของ FDI มีน้อยลงทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจ ในเชิงปริมาณพบว่า สัดส่วน FDI ต่อทั้ง GDP และการลงทุนภาคเอกชนโน้มลดลงชัดเจนเมื่อเทียบกับช่วงก่อนวิกฤติเศรษฐกิจโลกปี 2551 เนื่องจาก (1) นักลงทุนมีการกระจายความเสี่ยงไปลงทุนประเทศอื่นมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากอุทกภัยปี 2554 และ (2) ข้อจำกัดด้านแรงงานที่ค่าแรงปรับสูงขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับโครงสร้างประชากรไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงทำให้ข้อได้เปรียบด้านแรงงานที่เคยมีจำนวนมากและราคาถูกทยอยหมดไป นอกจากนี้ คุณภาพของแรงงานยังคงถูกละเลยและไม่สามารถพัฒนาคุณภาพเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีส่วนทำให้ลักษณะของธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาลงทุนเปลี่ยนจากธุรกิจขนาดใหญ่มาเป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กมากขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือในอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จากญี่ปุ่นและการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่วนใหญ่เป็นการประกอบชิ้นส่วน
ในเชิงคุณภาพพบว่าเม็ดเงินลงทุนที่เข้ามามีแนวโน้มที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจน้อยลง เพราะ (1) การลงทุนในธุรกิจใหม่ลดลง สังเกตจาก FDI ที่เข้ามาในรูปส่วนทุนมีสัดส่วนน้อยลง และการลงทุนใน ส่วนทุนช่วงหลังเปลี่ยนเป็นการซื้อกิจการที่มีอยู่เดิมมากขึ้น โดยเฉพาะในภาคสถาบันการเงินและประกันภัย (2) การถ่ายทอดความรู้ไม่ได้มีมากนัก สะท้อนจากการถ่ายทอดความรู้ระหว่างบริษัทต่างชาติและมหาวิทยาลัยของไทยที่อยู่ในระดับต่ำและไม่ได้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นขึ้นอย่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย และ (3) ในระยะหลังบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น
ประเด็นที่สอง บทบาทของ FDI ที่น้อยลงสามารถสะท้อนถึงความสามารถในการดึงดูด FDI ของไทยที่ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในภูมิภาค ดังจะเห็นได้จากสัดส่วน FDI ที่มาลงทุนในประเทศไทยมีส่วนแบ่งในตลาดโลกลดลง ต่างจากอินโดนีเซียที่มีส่วนแบ่งในโลกสูงขึ้นชัดเจน นอกจากนี้ หากไทยยังปล่อยให้ข้อจำกัดต่างๆ ทั้งโครงสร้างการผลิต การบริหารนโยบายต่างๆ ของภาครัฐ รวมถึงสถานการณ์ทางการเมือง เป็นดังเช่นที่ผ่านมา ในไม่ช้าไทยอาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศเพื่อนบ้าน
การพัฒนาของอินโดนีเซีย ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจน โดยผลการสำรวจของ World Economic Forum (WEF) ล่าสุดในปี 2556 พบว่าความสามารถในการแข่งขันของอินโดนีเซียบางด้านแซงหน้าไทยไปแล้ว ซึ่งได้แก่ ด้านนวัตกรรม ความพร้อมทางเทคโนโลยี และสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาค ส่วนด้านที่เร่งขึ้นมาใกล้เคียงกับไทย คือ โครงสร้างพื้นฐานที่เร่งแบบก้าวกระโดด และการศึกษาขั้นสูงและการฝึกอบรม ขณะที่ด้านที่ไทยด้อยลงไปจนเท่ากับคู่แข่ง ได้แก่ สภาพแวดล้อมทางด้านสถาบัน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่มีมาอย่างต่อเนื่อง
นำมาสู่ประเด็นสุดท้ายว่าไทยควรทำอย่างไรเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว หากย้อนประวัติศาสตร์จะพบว่าในยุคต้นปี 2500 ไทยเคยมีรายได้ต่อหัวและนโยบายอุตสาหกรรมไม่ต่างจากสิงคโปร์และเกาหลีใต้มากนัก แต่หลังจากผ่านไป 5 ทศวรรษ สิงคโปร์และเกาหลีใต้กลับมีรายได้ต่อหัวที่สูงกว่าไทยถึง 10 และ 4 เท่า ตามลำดับ เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะ (1) นโยบายของไทยใช้เวลานานในการเปลี่ยนผ่านจากยุคการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้ามาสู่การผลิตเพื่อการส่งออก (2) ภาคอุตสาหกรรมของไทยใช้เวลานานในการปรับตัวจากการใช้แรงงานเข้มข้นเป็นการใช้ทุนเข้มข้น และ (3) ไทยขาดการวางแผนและการสานต่อนโยบายอุตสาหกรรมที่ชัดเจน เหมาะสม และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจ
สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่า นโยบายทั้งในระดับจุลภาคและมหภาคในช่วงที่ผ่านมาส่วนใหญ่เน้นไปที่การประนีประนอมและการสานผลประโยชน์ของคนกลุ่มต่างๆ มากกว่าที่จะปล่อยให้ธุรกิจปรับตัวไปตามกลไกตลาดและสภาพแวดล้อมในการแข่งขันที่แท้จริง
ปัญหาดังกล่าวไม่สามารถแก้ไขได้โดยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น การเพิ่มศักยภาพของเศรษฐกิจพร้อมไปกับการยกระดับความสามารถในการแข่งขัน จึงเป็นความท้าทายที่ขึ้นอยู่กับความร่วมมือและการเร่งลงมือปฏิบัติของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อมิให้ข้อจำกัดทั้งเชิงโครงสร้างและสถาบันของประเทศบั่นทอนการเติบโตของเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ที่ดีของคนไทย ก่อนจะสายเกินแก้ไปกว่านี้
- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/581357#sthash.DXiJOSPz.dpuf

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 1:

During more than half a century ago to foreign direct investment (FDI Foreign Direct Investment:) is important for the Thai economic growth.A push to move and can be changed through the Thai from the agricultural era to the industrial era production and from production to substitute imports is produced for export. As a result, investment, employment and GDP growth helped leaps during the past.As of today, amid the domestic constraints, both structural and management policies of the Government, it was an important issue in question is the role of FDI towards Thai economic development have changed in any direction. These changes reflect the competitiveness of the Thai and the end. Thai policy should go in any direction in order to cope with the change.The first issue to be found in the role of FDI has declined both in quantity and quality to create added value to the economy. Quantitative contribution of FDI to GDP and investment trends in the private sector decreased clearly compared to the global economic crisis before the year 2551 (2008) because (1) the investor has to distribute the risk to invest in other countries more. Especially after the disaster the year 2554 (2011), and (2) the labor restrictions that adjust higher labor costs compared to neighboring countries. With the Thai population structure is aging society progress, thus making the advantages of labor ever choosing out one by one and cheap. In addition, the quality of labor continues to be ignored, and cannot improve the quality to reach the advanced technology industry. These factors all contribute to make the characteristics of foreign business investment from big business to small and medium-sized businesses more. The obvious example is in the automotive parts manufacturing industry from Japan, and production of electronic goods, which mainly consists of parts.Quality found that incoming investment are likely to create added value, with less economic because (1) the new business investment decreased. Observations from the incoming FDI as a proportion of equity less and investing in capital after changes to the existing acquisitions more. In particular, the financial institutions and insurance sectors (2) convey knowledge does not have too much. Reflections from the inheritance of knowledge between foreign companies and the Thai universities is low and is not likely to significantly increase in Malaysia and Indonesia, and (3) in foreign companies to invest in the property sector, more.The second issue. The role of FDI that is less and less able to reflect the ability to attract FDI of the Thai fell when compared with countries in the region, as can be seen from the proportion of FDI coming to invest in the country, there are Thai share in the world market dropped from Indonesia, which has a higher share in the world clearly. In addition If Thai also allow limitations on both policy and management capacity structure of Government, as well as the political situation is like in the past. Thai soon may lose the ability to compete with neighboring countries.Indonesia's development during the past 5 years as a clear signal by the World Economic Forum's survey results (WEF) latest year 2556 (2013) found that the competitiveness of the Thai side to overtake Indonesia in front of some, which include the innovative technological readiness and macroeconomic environment. Part of that acceleration coming up close to the Thai's infrastructure to accelerate the leap and advanced education and training. While the Thai side was down to equal competitors, such as the environment, the Institute, which is partly the result of political instability that has continued.The last issue brought to whether Thai should do to cope with these changes. If the history stretches back to the early era of the year 2500 Thai ever revenue per head and industrial policy in South Korea and Singapore from too much. But after a decade, South Korea and Singapore 5 returns with income per head is higher than 4 x 10 and Thai respectively. Note that this is because (1) the policy of the Thai takes a long time to transition from the era of import substitution production to production for export (2) sectors of the Thai takes a long time to adapt from the concentrated labour into capital intensive usage and (3) lack of Thai planning and renewing a clear industrial policy. Appropriate, and create the value added to the economy.These policies reflect that both macro and trace levels in the sector during the past mainly focuses on reconciliation and to fabricate various groups of people, rather than the benefits that would let businesses adapt to market forces and the competitive environment, the actual.These problems cannot be solved by one person only. Increasing the potential of the economy to enhance competitiveness, it is a challenge that is based on cooperation and begin acceleration of all parties involved. So, the limitations of the country's institutional structure and strategic to SAP economic growth and the well-being of the Thai people. Before too late to this.- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/581357#sthash.DXiJOSPz.dpuf

ผลลัพธ์ (อังกฤษ) 3:

During more than half a century ago. Foreign direct investment (Foreign Direct Investment: FDI) is important to the growth of economy

.Push for the Thai can step jump and transition from agricultural to industrial production era And from the production for import substitution was produced for export, resulting in investment, employment and contribute to the GDP.As of today, in the domestic production and management, the structure limitation policies more lucrative, therefore the important question. The role of FDI on economic development has changed in any direction.And in the end. Policy should go in any direction to cope with the changes that
.The first issue, it was found that the role of FDI smaller both in quantity and quality to create more value to the economy, the quantity found. The proportion FDI on both GDP.2551 due (1) investors to spread the risk to invest in other countries, and more especially after the flood years 2554 and (2) limitation of labor wages to rise compared to the neighboring countries.Therefore, the advantages of labor had many and cheap gradually solved. Besides, the quality of labor is still being ignored and can not improve the quality for the industrial use of advanced technology.The most obvious example is in manufacturing automotive parts from Japan and the production of electronic products, mainly assembly
.In the quality of the international reserves in tends to create more value for the economy less, because (1) investment in a new business decreased. Observation of the FDI into the equity proportion less and investing.Especially in the financial and insurance sector (2) knowledge transfer is not much.And (3) in the later stages of foreign companies to invest in the real estate sector more
.Secondly, the role of FDI less, can reflect the ability to attract FDI Thai decreased when compared with countries in the region. As can be seen from the proportion FDI who invest in Thailand's share in the world market decreased.In addition, if Thai also let constraints the structure of production and management policies of the government, including the political situation. As such the past.The development of Indonesia in the 5 years is clear alarm by survey of World Economic Forum (WEF) last year 2556 shows that the ability of competition of Indonesia some aspects overtook the Thai. Namely, the innovation.And the macroeconomic environment. Speeding up the side close to the Thai is the infrastructure to accelerate a leap. And the advanced education and training. While the Thai worse into equal competitors include