Climate1. The warmest region of Ala

Climate
1. The warmest region of Alaska is the southeast which is also the wettest part of the state. It receives little rain throughout all year round. Juneau receives 50 inch rainfall on average while Ketchikan rainfall averages 150 inches.
2. The south central part has a mild climate as compared to the other Alaskan parts because it is close to the seacoast. Although the south central part receives little rain yet the region experiences heavy snow. Anchorage generally receives 75 inch snow.
3. The Bering Sea and the Gulf of Mexico largely determines the western Alaska’s climate.
4. The Kobuk River valley is a desert which is why it receives no more than 10 inches of rainfall each year.
5. Dillingham and Bethel has got the extreme climates in that they receive 100 inches of rainfall annually.
6. Fort Yukon has the record lowest high temperature (of 100o F) in the U.S. it was recorded on June 27, 1915.
7. Prospect Creek has got the lowest ever temperature of -80o F and it was recorded on January 23, 1971.
8. Thompson Pass, near Valdez, had received the heaviest rainfall of 974.5 inches in the winter of 1952-53.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สภาพภูมิอากาศ
1 ภูมิภาคอบอุ่นของอลาสก้าตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นส่วน wettest ของรัฐได้ ได้รับฝนน้อยตลอดทั้งปี เกิร์ดวู๊ดรับ 50 นิ้วปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในขณะที่เคตชิคานฝน 150 นิ้วหาค่าเฉลี่ย
2 ส่วนกลางใต้มีสภาพภูมิอากาศที่ไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับส่วนของอะแลสกาอื่น ๆ เนื่องจากมันมีการซีโคสท์ แม้ว่าใต้ตอนกลางได้รับฝนน้อย ยังภูมิภาคประสบหิมะหนัก แองเคอเรจโดยทั่วไปได้รับ 75 นิ้วหิมะ.
3 อ่าวเม็กซิโกและทะเลเบริงส่วนใหญ่กำหนดสภาพภูมิอากาศของอลาสก้าตะวันตก.
4 หุบเขาแม่น้ำ Kobuk เป็นทะเลทรายซึ่งเป็นเหตุให้ได้รับไม่เกิน 10 นิ้วของฝนตกปีละกัน
5 Dillingham และ Bethel มีสภาพอากาศที่มากที่จะได้รับ 100 นิ้วปริมาณน้ำฝนปี.
6 ฟอร์ยูคอนมีบันทึกอุณหภูมิสูงสุด (ของ 100o F) ในสหรัฐอเมริกาที่มีบันทึกในวันที่ 27 มิถุนายน 1915.
7 โน้มครีมีต่ำสุดเคยอุณหภูมิ-80o F และมีบันทึกไว้ 23 มกราคม ค.ศ. 1971.
8 ทอมป์สันผ่าน ใกล้วาลเดซมิ ได้รับปริมาณน้ำฝนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ 9745 นิ้วในฤดูหนาว 1952-53

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สภาพภูมิอากาศที่
1 ภูมิภาคที่อบอุ่นของอลาสก้าเป็นตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ฝนตกชุกของรัฐ ได้รับฝนน้อยตลอดทั้งปี จูโนรับ 50 นิ้วปริมาณน้ำฝนโดยเฉลี่ยในขณะที่เคตชิคานฝนตกเฉลี่ย 150 นิ้ว
2 ภาคกลางภาคใต้มีสภาพภูมิอากาศที่ไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับชิ้นส่วนอลาสก้าอื่น ๆ เพราะมันอยู่ใกล้กับฝั่งทะเล แม้ว่าภาคกลางภาคใต้ได้รับฝนน้อยยังภูมิภาคประสบการณ์หิมะตกหนัก Anchorage โดยทั่วไปได้รับ 75 นิ้วหิมะ
3 ทะเลแบริ่งและอ่าวเม็กซิโกส่วนใหญ่จะกำหนดสภาพภูมิอากาศทางตะวันตกของมลรัฐอะแลสกาของ
4 หุบเขา Kobuk แม่น้ำเป็นทะเลทรายซึ่งเป็นเหตุผลที่ได้รับไม่เกิน 10 นิ้วของปริมาณน้ำฝนในแต่ละปี
5 Dillingham และปูชนียสถานได้มีภูมิอากาศที่รุนแรงในการที่พวกเขาได้รับ 100 นิ้วของปริมาณน้ำฝนปี
6 ฟอร์ยูคอนมีบันทึกอุณหภูมิสูงที่สุด (จาก 100o F) ในสหรัฐอเมริกาจะถูกบันทึกลงบน 27 มิถุนายน 1915
7 โอกาสรีได้มีอุณหภูมิต่ำสุดที่เคย -80o F และจะถูกบันทึกลงบน 23 มกราคม 1971
8 ธ อมป์สันผ่านใกล้วาลเดซได้รับปริมาณน้ำฝนหนัก 974.5 นิ้วในช่วงฤดูหนาว 1952-1953

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บรรยากาศ
1 เขตอบอุ่นของอลาสก้าคือ ตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นส่วนที่ฝนตกชุกของรัฐ ได้รับฝนน้อยตลอดทั้งปี จูโนได้รับปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 50 นิ้วในขณะที่เคตชิคานปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 150 นิ้ว .
2 ส่วนใต้มีสภาพภูมิอากาศที่ไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับส่วนอื่น ๆของอะแลสกา เพราะใกล้ฝั่งทะเล .แม้ว่าส่วนใต้มีฝนตกน้อย แต่ได้รับประสบการณ์เขตหนักหิมะ แองเคอเรจทั่วไปได้รับหิมะ 75 นิ้ว .
3 ทะเลแบริ่งและอ่าวเม็กซิโก ส่วนใหญ่จะกำหนดบรรยากาศตะวันตกอลาสก้า .
4 การ kobuk หุบเขาแม่น้ำเป็นทะเลทรายซึ่งเป็นเหตุผลที่ได้รับไม่เกิน 10 นิ้วของปริมาณน้ำฝนในแต่ละปี .
5ดิลลิงแฮมและเบธเอลได้บรรยากาศมากที่พวกเขาได้รับ 100 นิ้วของปริมาณน้ำฝนต่อปี .
6 Fort Yukon ได้บันทึกค่าอุณหภูมิสูง ( ของ 100o F ) ในสหรัฐฯ มีการบันทึกไว้เมื่อวันที่ 27 มิถุนายนพ.ศ. 2458 .
7 โอกาสครีก มีอุณหภูมิต่ำสุดที่เคย - 80o F และมีการบันทึกไว้เมื่อวันที่ 23 มกราคมพ.ศ. 2514 .
8 ทอมป์สันผ่าน ใกล้ เวลเดซ ได้รับปริมาณน้ำฝนที่หนักที่สุดของ 9745 นิ้ว ในฤดูหนาว 1952-53 .