Hospitals are fast paced health car

Hospitals are fast paced health care environments that currently staff with Registered Nurse (RN) workforce comprised of more than 10% new graduate nurses. Past research has indicated that newly graduated nurses encounter stressful challenges transitioning from student (graduate) to the professional RN in the workforce. This issue must be given unabated priority, because loss of the new graduate has financial and patient safety implications. The purpose of this research study was to investigate work-related stress among recent nursing graduates and identify factors that influence their stress levels, as well as their intention to resign from their employment. Potential factors include gender, program type, work unit and duration, graduation time, and orientation. The study results indicate that junior RNs and BSN graduates are more likely to experience stress. Of all the stressors identified, equipment issues was the only factor that correlated both statistically and significantly to the participants' intention to quit. By investigating specific work-related stressors and coping strategies that these newly graduated nurses experience, this research may provide important information to better prepare and support future nursing students successfully transitioned to practice.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โรงพยาบาลดูแลสุขภาพแสวงว่า ปัจจุบันพนักงานกับพยาบาลวิชาชีพ (RN) ประกอบด้วยบุคลากรมากกว่า 10% ใหม่จบศึกษาพยาบาล งานวิจัยได้ระบุว่า พยาบาลจบใหม่พบกับความท้าทายที่เครียดเปลี่ยนจากนักเรียน (บัณฑิตศึกษา) ให้ RN มืออาชีพในการทำงาน ปัญหานี้ต้องได้รับความสำคัญคงที่ เนื่องจากสูญเสียนักศึกษาจบใหม่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยทางการเงิน และผู้ป่วย วัตถุประสงค์ของการศึกษาวิจัยนี้คือการ ตรวจสอบเกี่ยวกับงานความเครียดระหว่างการศึกษาพยาบาล และระบุปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อระดับความเครียดของพวกเขา เช่นเดียวกับการลาออกจากงาน ปัจจัยได้แก่เพศ ประเภทโปรแกรม หน่วยงาน และระยะเวลา เวลาจบการศึกษา และแนว ผลการศึกษาระบุว่า จูเนียร์บนโบราณเชียงรายและบัณฑิตคเกนเพิ่มโอกาสประสบความเครียด ของทั้งหมดที่ความเครียดระบุ ปัญหาอุปกรณ์เป็นปัจจัยเดียวที่ความสัมพันธ์ทั้งทางสถิติ และมีนัยสำคัญที่ความตั้งใจของผู้เข้าร่วมออกจาก โดยตรวจสอบเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับความเครียด และรับมือกลยุทธ์ว่า เหล่านี้เพิ่งจบศึกษาพยาบาลประสบการณ์ งานวิจัยนี้อาจให้ข้อมูลที่สำคัญเพื่อเตรียมความพร้อมดีกว่า และนักศึกษาพยาบาลในอนาคตการสนับสนุนถูกเปลี่ยนเป็นการฝึกเรียบร้อยแล้ว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โรงพยาบาลอย่างรวดเร็วสภาพแวดล้อมการดูแลสุขภาพที่พนักงานปัจจุบันมีพยาบาลที่สมัครสมาชิก (RN) แรงงานประกอบด้วยมากกว่า 10% พยาบาลจบการศึกษาใหม่ การวิจัยที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่าพยาบาลจบการศึกษาใหม่พบกับความท้าทายที่เครียดเปลี่ยนจากนักเรียน (จบ) การ RN มืออาชีพในตลาดแรงงาน ปัญหานี้จะต้องให้ความสำคัญคงเพราะการสูญเสียของบัณฑิตใหม่ที่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยทางการเงินและผู้ป่วย วัตถุประสงค์ของการศึกษาวิจัยครั้งนี้คือการตรวจสอบความเครียดจากการทำงานที่เกี่ยวข้องกับหมู่ผู้สำเร็จการศึกษาพยาบาลที่ผ่านมาและระบุปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อระดับความเครียดของพวกเขาเช่นเดียวกับความตั้งใจที่จะลาออกจากการจ้างงานของพวกเขา ปัจจัยที่มีศักยภาพ ได้แก่ เพศประเภทโปรแกรมหน่วยงานและระยะเวลาเวลาที่สำเร็จการศึกษาและการวางแนว ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า RNs จูเนียร์และผู้สำเร็จการศึกษา BSN มีแนวโน้มที่จะได้สัมผัสกับความเครียด ความเครียดทั้งหมดที่ระบุปัญหาอุปกรณ์เป็นปัจจัยเดียวที่มีลักษณะร่วมกันทั้งสองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติและความตั้งใจของผู้เข้าร่วมที่จะเลิก โดยการตรวจสอบให้เกิดความเครียดที่เกี่ยวข้องกับงานที่เฉพาะเจาะจงและกลวิธีการเผชิญปัญหาว่าสิ่งเหล่านี้มีประสบการณ์พยาบาลเพิ่งจบการศึกษางานวิจัยนี้อาจให้ข้อมูลที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมที่ดีขึ้นและการสนับสนุนนักศึกษาพยาบาลในอนาคตประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงที่จะปฏิบัติ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โรงพยาบาลการดูแลสุขภาพอย่างรวดเร็วสภาพแวดล้อมว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่พยาบาลวิชาชีพ ( RN ) แรงงานมีมากกว่า 10% ของพยาบาลจบใหม่ การวิจัยที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่าพยาบาลจบใหม่กับความท้าทายในการเปลี่ยนจากเคร่งเครียดนักศึกษา ( ระดับบัณฑิตศึกษา ) พยาบาลวิชาชีพแรงงาน . ปัญหานี้ต้องได้รับการคงที่สําคัญ เนื่องจากการสูญเสียของบัณฑิตใหม่ที่มีผลกระทบทางการเงินและความปลอดภัยของผู้ป่วย การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาที่ส่งผลต่อความเครียดในการปฏิบัติงานของบัณฑิตพยาบาลใหม่และศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อระดับความเครียดของพวกเขา รวมทั้งความตั้งใจที่จะลาออกจากการจ้างงานของพวกเขา ปัจจัย ได้แก่ เพศ ประเภทของโปรแกรม ทำงานหน่วย ระยะเวลา เวลา การศึกษา และการวางแนว ผลการศึกษา พบว่า เยาวชนและ rn BSN บัณฑิตมีแนวโน้มที่จะประสบกับความเครียด . ทุกความถี่ ระบุ ปัญหาอุปกรณ์ เป็นปัจจัยที่มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และมีนัยต่อทั้งผู้เรียนมีความตั้งใจที่จะลาออก โดยเฉพาะการตรวจสอบความเครียดและกลวิธีการเผชิญปัญหาที่เหล่าพยาบาลจบใหม่ประสบการณ์ การวิจัยนี้อาจให้ข้อมูลสำคัญเพื่อเตรียมไว้ดีกว่า และสนับสนุนในอนาคต นักศึกษาพยาบาลเรียบร้อยแล้ว เปลี่ยนไปสู่การปฏิบัติ