กลอนต่างๆ
อสุรีผีเสื้อเหลือจะอด แค้นโอรสราวกับไฟไหม้มังสา ช่างหลอกหลอนผ่อนผันจำนรรจา แม้นจะว่าโดยดีเห็นมิฟัง จะจับไว้ให้พาไปหาพ่อ แล้วหักคอเสียให้ตายเมื่อภายหลัง โกรธตวาดผาดเสียงสำเนียงดัง น้อยหรือยังโหยกเหยกเด็กเกเร ช่างว่ากล่าวราวกับกูไม่รู้เท่า มาพูดเอาเปรียบผู้ใหญ่ทำไพล่เผล เอาบิดรซ่อนไว้ในทะเล ทำโว้เว้ว่ากล่าวให้ยาวความ ยิ่งปลอบโยนโอนอ่อนยิ่งหลอนหลอก แม้นไม่บอกโดยดีจะตีถาม พลางโผโผนโจนโจมเสียงโครมคราม เข้าไล่ตามคลุกคลีตีไปพลาง สินสมุทรผลุดออกนอกรักแร้ แล้วล่อแม่ตบหัตถ์ผัดผางผาง แกล้งหลบลี้หนีวนไปต้นทาง หมายให้ห่างพระบิดาได้คลาไคล นางผีเสื้อเหลือแค้นแสนสาหัส แต่ฉวยพลัดแพลงคลื่นลื่นไถล อุตลุดผุดดำปล้ำกันไป เหมือนเล่นไล่ตามละเมาะทุกเกาะเกียน ถึงเขาใหญ่ในน้ำง้ำชะเงื้อม พระหลบเลื่อมเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน เข้าหาดทรายชายตื้นขึ้นบนเตียน เที่ยววิ่งเวียนวนรอบขอบคิรี เห็นมารดาล่าลับแล้วยับยั้ง แกล้งถอยหลังลงน้ำแล้วดำหนี ไม่พ่นผุดรุดไปในนที ตั้งภักดีตามติดพระบิดร ฯ * ฝ่ายผีเสื้อเมื่อลูกลอบลงน้ำ พอจวนค่ำคิดว่าวิ่งขึ้นสิงขร ด้วยใจนางคิดว่าพาบิดร มาซุ่มซ่อนอยู่ที่นี่จึงหนีมา เที่ยวแลรอบขอบเขาเงาชะงุ้ม ยิ่งมืดคลุ้มก็ยิ่งคลั่งตั้งแต่หา เสียงคลื่นโครมโถมตะครุบก้อนศิลา จนหน้าตาแตกยับลงสับเงา แล้วลุกขึ้นยืนชะโงกโยกสิงขร จนโคลงคลอนเคลื่อนดังทั้งภูเขา ยิ่งมืดค่ำสำเหนียกร้องเรียกเดา ไม่พ้นเราเร่งมาหาโดยดี เห็นไม่ขานมารร้ายทลายซ้ำ เขาระยำย่อยยับดังสับสี ไม่พบเห็นเป็นเพลาเข้าราตรี อสุรีเหลือแค้นเน่นอุรา ช่างชาติชั่วหัวกระดูกลูกตอแหล ลวงให้แม่หลงกลเที่ยวค้นหา เออกระนั้นมันจึงทบตลบมา ให้บิดาเลยไปเสียไกลแล้ว ดำริพลางนางมารอ่านพระเวท ให้สองเนตรโชติช่วงดังดวงแก้ว แลเขม้นเห็นไปไวแววแวว อยู่โน่นแล้วลุยตามโครมครามไป ฯ